Max Verstappen มักซ์ แฟร์สตัปเปิน
Max Verstappen นักแข่งดาวรุ่งวัน 26 ปีชาวเนเธอร์แลนด์ เริ่มต้นกับทีม Red Bull ด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชน Red Bull Junior Team เมื่อปี 2014 แล้วสามารถขยับขึ้นไปขับระดับ F1 ได้ เมื่อทีม Scuderia Toro Rosso ทีมน้องของ Red Bull ทำการประกาศว่าเขาจะเป็นนักขับของทีมในฤดูกาล 2015 เคียงข้างกับ Carlos Sainz Jr. โดยไปขับแทนที่ Daniil Kvyat ที่ได้โปรโมทขึ้นไปขับทีมใหญ่อย่าง Red Bull Racing แทน ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งระดับ F1 ที่มีอายุน้อยที่สุดไปในทันที ด้วยอายุ 17 ปี 166 วัน เปิดสนามแรกด้วยการวิ่งอยู่ในตำแหน่งที่ทำคะแนนได้ แต่เสียดายที่เครื่องยนต์พังเสียก่อน ไม่จบการแข่งขัน ก่อนที่จะเก็บคะแนนแรกของตัวเองได้ที่มาเลเซีย ด้วยการจบอันดับที่ 7 เป็นนักแข่งอายุน้อยที่ทุดที่ทำคะแนนได้ในการแข่งขัน Formula 1 (17 ปี 180 วัน)
จบปีแรกด้วยการทำไปได้ 49 คะแนน เป็นอันดับที่ 12 และปี 2016 Max Verstappen ก็คือปีที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปทันที เมื่อผ่านไปเพียง 5 สนาม ทางทีม Red Bull Racing ได้ทำการสลับที่กันระหว่างเขากับ Daniil Kvyat ทำให้ Verstappen ได้ไปขับเคียงข้างกับเบอร์ 1 อย่าง Daniel Ricciardo ทันที และเขาก็ตอบแทนทีมทันที ด้วยการคว้าแชมป์ในสนาม Spanish Grand Prix ทันทีที่ลงแข่งครั้งแรก ทำให้เขากลายเป็นนักแข่ง F1 อายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์ไปได้ (18 ปี 228 วัน) ก่อนที่ปีนั้นเขาจะขึ้นไปโพเดียมอีก 6 ครั้ง เก็บคะแนนได้เป็นอันดับที่ 5 กลายเป็นดาวรุ่งดวงเด่นของวงการ F1 ไปในทันที แต่เมื่อถึงปี 2017
เขากลับประสบปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ ใน 14 สนามแรก
เครื่องยนต์มีปัญหาจนขับไม่จบการแข่งขันถึง 4 สนาม และระห่ำจนชนในรอบแรกไปอีก 3 สนาม ออกจากการแข่งขันโดยไม่มีแต้ม แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์ไปได้ 2 สนาม จบฤดูกาลด้วยการเก็บไป 168 คะแนน เป็นอันดับที่ 6 ของประเภทนักแข่ง จนมาถึงปี 2018 ก็เป็นปีที่เขาเริ่มเจิดจรัสมากขึ้น และเป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่อยากเป็นมือ 2 รองจาก Daniel Ricciardo อีกต่อไป เห็นได้จากความเกรี้ยวกราดในยามที่ขับในสนาม Max Verstappen ไม่ยอมทำตามแผนของทีมที่ให้ Ricciardo เป็นเบอร์ 1 ซึ่งทางทีมก็ออกจะเอียงไปเข้าข้าง Verstappen เสียด้วย เพราะมองว่าเขาเป็นอนาคตของทีมที่น่าจะพาทีมไปคว้าแชมป์ได้ จบฤดูกาล 2018 ไปด้วยการคว้าแชมป์ไป 2 สนาม ขึ้นโพเดียมไป 11 ครั้ง ทำคะแนนไป 249 แต้ม จบอันดับที่ 4 มากกว่าเบอร์ 1 ของทีมอย่าง Ricciardo ที่เก็บไป 170 คะแนน
เป็นอันดับ 6 และนี่คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Ricciardo ต้องย้ายทีมไปซบอก Renault แทน และฤดูกาลล่าสุด ปี 2019 คือปีที่เขางัดฟอร์มเก่งขึ้นมาได้เต็มที่ ด้วยการเก็บแชมป์ไป 3 สนาม 9 โพเดียม จบเป็นอันดับที่ 3 รองจาก 2 นักแข่งจาก Mercedes เท่านั้น และปี 2020 สามารถคว้าแชมป์ไปได้ 2 สนาม ขึ้นโพเดียมไปได้เกือบทุกสนาม ยกเว้นที่ขับไม่จบ 5 สนาม กับที่ตุรกีที่จบอันดับ 6 มากพอที่จะเก็บคะแนนรวมอันดับที่ 3 ไปได้ เขาเก็บความพุ่งพล่านเอาไว้จนถึงปี 2021 ที่เขาสามารถระเบิดฟอร์มอันสุดยอดเอาไว้ได้
จนสามารถทำคะแนนสะสมขึ้นนำแชมป์โลกอย่าง Lewis Hamilton จนได้
ถึงแม้ครึ่งหลังของฤดูกาลเหมือนว่าความได้เปรียบจะย้ายไปอยู่กับคู่แข่ง Max Verstappen จนสนามสุดท้ายที่เกือบจะพลาดแชมป์โลกไปอยู่แล้ว แต่ด้วยโอกาสในการขับรอบสุดท้ายหลังธงเหลือง สุดท้ายเขาก็สามารถพาแชมป์โลกมาอยู่กับตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตจนได้ จนผ่านมาถึงปี 2022 นี่คือปีที่ดีที่สุดในการแข่งขันในชีวิตของเขา เมื่อเก็บแชมป์สนามไปได้มากถึง 15 จาก 22 สนาม คว้าแชมป์โลกไปแบบไม่ต้องลุ้นอะไรมาก และปี 2023 ก็เป็นปีที่เขาทำได้ท็อปฟอร์มมากที่สุด โดยคว้าแชมป์ไปได้ 19 จาก 22 สนาม และการชนะแต่ละครั้งคือแทบไม่มีลุ้นจากคู่แข่งเลย คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปแบบชิว ๆ