ฤดูกาล 2023 ของ Williams ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยขยับจากอันดับสุดท้ายในปี 2022

Williams

ฤดูกาล 2023 ของ Williams ถือว่าประสบความสำเร็จ

โดยขยับจากอันดับสุดท้ายในปี 2022

Williams

Williams ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 7 ในการแข่งขัน Constructors Championship ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาตั้งแต่จบอันดับที่ 5 ในปี 2017 แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าภายใต้การนำของ James Vowles อนาคตของทีมจะสดใสมาก นี่คือรายงานสิ้นปีของพวกเขา…

จบแบบสุดยอด อเล็กซ์ อัลบอน – อันดับ 7 ในแคนาดาและอิตาลี

อเล็กซ์ อัลบอนเป็นหนึ่งในผู้ทำผลงานโดดเด่นบนกริดสตาร์ทในปี 2023 เนื่องจากเขามักจะขับรถ FW45 อยู่เสมอ โดยมักใช้ประโยชน์จากสภาพรถที่ลื่นเพื่อทำคะแนนในสนามที่เหมาะ การวิเคราะห์: ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Sargeant มั่นใจว่าจะรักษาที่นั่งใน  Williams  ไว้ได้ในปี 2024 มอนทรีออลเป็นตัวอย่างที่ดี โดยที่เขาใช้รถรุ่นปรับปรุงใหม่ของเขา – รวมถึงทางตรงที่ยาว – เพื่อแข่งกับรถอีกหลายคัน รวมถึงเอสเตบัน โอคอนและแลนซ์ สโตรลล์ เป็นเวลาหลายรอบในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อจบการแข่งขันในอันดับที่ 7

เฟอร์รารี่, เมอร์เซเดส, แอสตัน มาร์ติน, เรดบูล เรซซิ่ง, แมคลาเรน เชื่อว่าชื่อทีมเหล่านี้คือชื่อที่คุ้นหูของคนที่ติดตามการแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ ฟอร์มูล่าวัน มากที่สุด เพราะบรรดาทีมทั้งหมดนี้คือยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันที่อยู่บนหัวตารางแทบจะทุกซีซัน แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งทีมที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทั้งอดีตอันหอมหวาน เคยเป็นแชมป์โลกผู้ผลิตมากถึง 9 สมัย

เป็นรองแค่ทีมม้าลำพองเพียงทีมเดียว Williams  สู่ช่วงขาลงอันขมปี๋ แบบที่เก็บคะแนนไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวก็เคยมาแล้ว ซึ่งทีมนั้นก็คือ วิลเลียมส์ เรซซิ่ง ที่ปัจจุบันมี ‘AA23’ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักแข่งสัญชาติไทยสังกัดอยู่ในเวลานี้ และในวันนี้เราจะพาทุกคนย้อนไปดูตั้งแต่อดีตของทีม วิลเลียมส์ เรซซิ่ง จนถึงปัจจุบันที่กำลังมีแววว่าจะกลับมาได้ในอนาคต การเดินทางตลอดเกือบ 5 ทศวรรษ ของทีมแข่งสัญชาติอังกฤษผ่านอะไรมาบ้าง ติดตามได้เลย

400-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12,000-15,000 ล้านบาท..

นี่คืองบประมาณในการทำทีมแต่ละปีของทีม F1 ระดับลุ้นแชมป์ เมื่อรู้เช่นนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักที่รถสูตรหนึ่งจะถูกมองว่าเป็นกีฬา “ของเล่นคนรวย” ในการแข่งขัน F1 ยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องปกติไปแล้วในการเห็นบริษัทหรือค่ายรถยักษ์ใหญ่ เช่น Williams  Red Bull, Mercedes-Benz หรือ Ferrari ลงมาเป็นเจ้าของทีมด้วยตัวเอง เนื่องจากงบประมาณที่ต้องใช้สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะจัดการดูแลได้ และถึงจะลงทุนจนกลายเป็นผู้ชนะ ผลตอบแทนที่ได้รับก็ดูจะไม่ค่อยคุ้มค่ากับแรงเงินแรงกายที่ทุ่มเทลงไปเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา กลับมีครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งที่ยืดหยัดทำทีม F1 ด้วยงบประมาณอันจำกัด ต่อสู้กับระบอบทุนนิยมอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าทีมระดับ “ชาวบ้าน” ทีมอื่นๆจะค่อยๆถอนตัวไปทีละทีมก็ตาม ชื่อของพวกเขาคือตระกูล “วิลเลี่ยมส์” ยอดนักสู้จากออกซ์ฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ.. ติดตามเรื่องราวหลากรสชาติของพวกเขาได้ที่ Main Stand

จุดเริ่มต้นจากวัยรุ่นบ้ารถ

‘วิลเลียมส์ เรซซิ่ง’ หรือชื่อเดิม ‘วิลเลียมส์ กรังด์ปรีซ์ เอ็นจิเนียริ่ง’ ก่อตั้งขึ้นโดย ‘เซอร์ แฟรงค์ วิลเลียมส์’ ผู้ล่วงลับ ย้อนกลับไปในสมัยที่เขาเป็นเด็ก แฟรงค์เป็นเด็กหนุ่มที่หลงใหลในรถยนต์เป็นทุนเดิม และเมื่อโตขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1950 เขาได้มีโอกาสนั่งรถ จากัวร์ XK150 ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นรถสปอร์ตตัวท็อปๆ ที่ทั้งเร็วและทรงพลัง แล้วก็ยิ่งเพิ่มความคลั่งไคล้ในโลกของความเร็วมากขึ้นไปอีก จนในปี 1966 Williams  แฟรงค์ได้ทุบกระปุกเอาเงินเก็บทั้งหมดที่ได้จากการทำงานซื้อขายอะไหล่รถยนต์ และเป็นพนักงานร้านขายของชำ มาก่อตั้งทีม ‘แฟรงค์ วิลเลียมส์ เรซซิ่ง คาร์’ Formula 1 (F1)

ปี 2001 เป็นปีที่สองของ Williams ร่วมกับพันธมิตรด้านเครื่องยนต์อย่าง BMW

และคำมั่นสัญญาที่แสดงออกมาในปี 2000นั้นแปลออกมาเป็นความเร็วที่ดุดันและผลงานที่ดีตลอดทั้งปี รวมถึงชัยชนะครั้งแรกของทีมนับตั้งแต่ปี 1997ที่Imolaเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง แชสซีที่ออกแบบมาอย่างดี แนวโน้มของยาง มิชลินที่จะทำงานได้ดีในสภาพอากาศร้อน และความพยายามของนักขับสองคนที่รวดเร็ว ส่งผลให้พวกเขาคว้าชัยชนะได้ 4 ครั้ง และทีมก็กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดของกีฬานี้ร่วมกับFerrariและMcLarenรถรุ่นนี้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสนามแข่งที่เร็วกว่า เช่นHockenheimและMonzaซึ่งเครื่องยนต์ของ BMW ทำให้  Williams   มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม วิลเลียมส์ไม่สามารถท้าชิงตำแหน่งแชมป์ได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก เครื่องยนต์ของ BMW ไม่น่าเชื่อถือมากกว่าคู่แข่ง ส่งผลให้มีอัตราการจบการแข่งขันต่ำกว่า 50% ประการที่สอง เมื่อเทียบกับสนามแข่งที่เร็วกว่า ตัวถังของรถไม่สามารถแข่งขันได้ใน สนาม ที่มีแรงกด สูง เช่น ที่โมนาโกและฮังการอริงประการที่สาม นักขับทั้งสองคนทำผิดพลาดหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอนโตยาเมื่อเขาต้องปรับตัวกับ F1

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *